#SneakOut  วันนี้จะชวนคุณทำความรู้จักกับศิลปินฮิปฮอปรุ่นใหม่ที่กำลังร้อนแรงที่สุดในเวลานี้อย่าง  YOUNGOHM เจ้าของบทเพลงฮิตที่มียอดผู้ชมกว่าร้อยล้านครั้งอย่าง เฉยเมย รวมไปถึงเพลงดังอย่าง ไม่ต้องมารักกู และล่าสุดกับเพลง วายโอทัวร์ไลฟ์ ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้พวกเราได้ฟังเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าการเดินทางของแร็ปเปอร์หนุ่มผู้นี้จะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นานแต่ก็นับว่าเขาได้สร้างปรากฎการณ์และพิสูจน์ฝีไม้ลายมือจนเป็นที่ยอมรับจากเหล่าแฟนเพลงและบรรดาแร็ปเปอร์รุ่นพี่ได้อย่างงดงาม ซึ่งอีกหนึ่งบททดสอบที่เขาต้องการพิสูจน์คือการออกอัลบั้มแรกของตนเองในฐานะศิลปินซึ่งเจ้าตัวเองก็กำลังซุ่มทำอยู่อย่างเต็มที่และมีแผนจะเปิดตัวให้พวกเราได้ฟังกันในเร็วๆ นี้

แต่ก่อนที่จะไปฟังอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของ YOUNGOHM  เรามาทำความรู้จักกับเขากันให้มากขึ้นไปพร้อมกันดีกว่าว่าเส้นทางที่แร็ปเปอร์หนุ่มผู้นี้เลือกเดินเขาต้องพบเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง

คุณยังจำเพลงแรกที่ตัวเองเขียนขึ้นมาได้ไหม

เพลงแรกที่เขียนจำได้เลยว่าเขียนขึ้นเพื่อจีบสาวคนหนึ่ง เพราะช่วงนั้นเรามีผู้หญิงที่แอบชอบอยู่เลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อระบายและถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อเขาออกมาว่าเรารู้สึกอย่างไร อย่างเช่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน รู้สึกอยากจะชวนไปเที่ยวหรือกินข้าวด้วยกัน แต่สุดท้ายเพลงนี้ก็ไม่มีใครได้ฟังหรอกครับ แต่เราก็ทำเพลงต่อมาเรื่อยๆ ตอนนั้นเราทำคนเดียวไม่มีใครมาแนะนำอะไร ไม่มีเพื่อนเข้าใจด้วยซ้ำว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เพลงที่ทำช่วงนั้นเลยไม่มีโอกาสได้อัดออกมาแบบจริงจัง บางทีก็เอาไมค์ก้านมาอัดเล่นบ้างแต่คุณภาพเสียงมันแย่ก็เลยไม่มีโอกาสเอาไปให้ใครฟัง

แล้วเพลงแรกที่ทำในห้องอัดแบบจริงจังคือเพลงอะไร

เพลงแรกที่อัดเชื่อเพลงว่า “หลง” ครับ แต่ตอนนี้น่าจะโดนลบไปแล้วเพราะนานมากแล้ว เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำกันเล่นกับเพื่อนในช่วงมัธยมปลาย คือตอนนั้นเราเริ่มเจอกลุ่มเพื่อนที่ชอบเพลงฮิปฮอปเหมือนกับเราและชวนกันมาซ้อมแร็ปกัน ครั้งแรกที่เราได้ยินเสียงของตัวเองที่อัดผ่านไมโครโฟนแบบชัดๆ ถึงแม้ว่าตอนนั้นสตูดิโอที่เราไปอัดเพลงจะเป็นสตูดิโอสำหรับอัดเสียงโฆษณาหรือเพลงทั่วไป ซึ่งอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่เราต้องการมากสักเท่าไร หลังจากนั้นผมก็ทำเพลงเล่นกับเพื่อนมาเรื่อยจนกระทั่งรายการ Rap is Now เปิดรับสมัครผมเลยตัดสินใจไปลงแข่งดู

ซึ่งแฟนเพลงหลายคนก็น่าจะรู้จักคุณครั้งแรกจากรายการ Rap is Now ด้วยเช่นกัน

ผมลงแข่งครั้งแรกตอนช่วงซีซั่น 2 ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็ตกรอบตั้งแต่รอบออดิชั่น เพราะตอนนั้นผมไปด้วยความคิดว่าตัวเองเก่งมาก เพราะเราเคยแร็ปอยู่กับเพื่อนแค่ไม่กี่คนแล้วเราเป็นคนที่เก่งที่สุดในกลุ่ม แต่พอไปแข่งจริงแล้วมันไม่ใช่เลยเพราะมีคนที่เก่งกว่าเราเยอะมาก แต่การตัดสินใจลงแข่งในครั้งนั้นก็ทำให้ผมเจอกับสังคมฮิปฮอปและแร็ปเปอร์รุ่นพี่หลายคนที่เขาทำเพลงกันจริงจัง เหมือนเปิดโลกให้ไปเจอกับสังคมที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผมมีโอกาสทำเพลงจริงจังตั้งแต่ตอนนั้น และเริ่มต้นทำแชแนลของตัวเองทาง Youtube จนมีแฟนเพลงและคนให้ความสนใจมากขึ้น

หลังจากนั้นคุณก็กลับมาแก้ตัวอีกครั้งในซีซั่นที่ 3

หลังจากตกรอบไปครั้งก่อนผมก็ลงสมัครแข่งแร็ปแบทเทิ่ลทุกรายการที่เปิดรับเพื่อพัฒนาฝีมือ และก็เตรียมตัวฝึกซ้อมมากขึ้นก่อนจะมาแข่งซีซั่น 3 ซึ่งผมก็เข้ามาได้ถึงรอบ 8 คนสุดท้าย หลังจากนั้นเพลงที่เราทำอยู่ก็บูมขึ้นพอดีนั่นคือเพลง POP UP กับ ไม่ต้องมารักกู แต่ตอนนั้นเพลงเรามันดังแค่เฉพาะกลุ่มคนฟังเพลงใต้ดินจนมาถึง เฉยเมย ที่ทำให้ผมกลายเป็นที่รู้จักแบบจริงๆ เพราะเพลงเข้าถึงคนทั่วไป แล้วคำว่า ยังไม่ได้นอน ในเพลงก็กลายมาเป็นไวรัลอยู่ช่วงหนึ่งเลย

เคยคิดไหมว่าหลังจากที่ปล่อยเพลง เฉยเมย ออกมาคุณจะมาไกลถึงจุดนี้

ไม่เคยคิดเลยครับว่าจะมาถึงจุดนี้ ถึงจะมีแอบหวังไว้บ้างแต่ผมก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นศิลปินและสร้างรายได้จากอาชีพนี้ สิ่งเดียวที่ผมรู้ตอนนั้นคือผมทำเพราะความชอบ ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้จริงๆ ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ผมก็พยายามทำสิ่งที่ชอบนี้ออกมาให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าบางคนจะคิดว่ามันไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้เลย แต่ในเมื่อผมเห็นโอกาสแล้วถึงแม้มันจะเล็กน้อยแต่ผมก็เลือกที่จะลุยกับมันให้เต็มที่

ทุกวันนี้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

เปลี่ยนไปมากเลยครับ ผมเองหลังจากเรียนจบ ม.6 ก็กลายมาเป็นศิลปินแบบนี้เลย ได้มาทำงานที่เราชอบและรักอยู่แล้ว ซึ่งผมเองก็แอบวางแผนมาเล็กๆ ว่าหลังจากเรียนจบมัธยมคงไม่เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยแล้ว ผมเลยเริ่มทำเพลงมาตั้งแต่ช่วง ม.6 พอเริ่มมีรายได้จาก Youtube เข้ามาบ้างนิดหน่อยเราเลยเอาเงินนั้นมาต่อยอดทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ จนเพลง เฉยเมย ออกมาเราก็เริ่มมีงานเข้ามาและหลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยนไปเลย

อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจพักเรื่องเรียนและมาจริงจังกับงานเพลงในตอนนั้น

ตอนนั้นผมสองจิตสองใจเหมือนกันเพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะทำได้เต็มที่แค่ไหน คือผมไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยแล้วแต่ไปเรียนได้ครึ่งวันก็ลาออกเลย เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ที่ของเราสังคมในมหาวิทยาลัยเขาไม่ได้มีวิธีคิดแบบเดียวกับเรา ผมเลยตัดสินใจลาออกแล้วมาทำเพลงกับเพื่อนแล้วกินนอนที่สตูดิโออย่างจริงจัง แล้วใช้เงินที่ได้จากยูทูปประมาณเดือนละไม่กี่พันบาทมาใช้สำหรับอัดเพลงต่อไป

ทางบ้านเขาสนับสนุนคุณเรื่องนี้ไหม

ตอนนั้นทางบ้านเขาไม่สนับสนุนเลยเพราะเขาอยากให้เราเรียนต่อ คือตอนแรกผมก็พยายามที่จะเรียนไปด้วยพร้อมกับทำเพลง แต่พอเอาเข้าจริงแล้วเรารู้สึกอึดอัดมากผมเลยตัดสินใจที่จะบอกแม่เลยว่าลาออกแล้ว ซึ่งเขาก็ดุผมแต่เพราะผมเป็นคนดื้อไง แล้วผมเริ่มเห็นช่องทางที่จะไปต่อแล้ว ตอนนั้นคิดว่าอย่างน้อยขอแค่ให้อยู่กับสิ่งที่เรามีความสุขก็พอ ได้เงินไม่ต้องมากก็ได้ขอแค่เลี้ยงตัวเองได้ก็พอ ซึ่งปรากฎว่าผมก็สามารถทำมันได้จริง ทุกวันนี้เขาก็ยอมรับเราแล้วก็ภูมิใจในตัวผมนะ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยถูกเขาว่าเราแรงๆ ในช่วงก่อนหน้าที่จะตัดสินใจจะไม่เรียนต่อ คือตอนนั้นเรามีปากเสียงกับที่บ้านบ่อยมาก บางครั้งผมต้องหนีออกมาร้องไห้คนเดียว เพราะผมไม่อยากให้เขารู้หรือเห็นว่าผมอ่อนแอ แล้วผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำจนมันสำเร็จขึ้นมา

คุณเลือกที่จะนำแรงกดดันจากทางบ้านมาใช้เพื่อผลักดันชีวิตให้เดินต่อ ?

ผมถือว่ามันเป็นแรงผลักดันอย่างมากในชีวิตเลยกับการที่ทางบ้านไม่สนับสนุน เพราะเราก็อยากพิสูจน์ให้เขาได้เห็นว่าสิ่งที่คิดมันสามารถเกิดขึ้นได้จริง ผมคิดแล้วว่าชีวิตผมเกิดมาผมควรเลือกเองว่าจะทำอะไร ในเมื่อผมไม่เดือดร้อนแล้วผมก็ควรมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางตัวเอง แต่ในมุมของผู้ใหญ่เขาดุหรือว่าเราเพราะลึกๆ แล้วเขาเป็นห่วงอนาคตเรานั่นแหละ

นอกจากแรงกดดันจากทางบ้านแล้ว คุณยังมีแรงกดดันจากโลกโซเชียลของเขาที่ชอบตามมาคอมเมนต์ดูถูกคุณอีกด้วย

มันก็มีตลอดครับคนที่มาว่าหรือจับผิดเราตั้งแต่สมัยที่เราทำเพลงแรกๆ  มียุคหนึ่งที่ผมทนไม่ได้ออกมาด่ากลับและตอบโต้เหมือนกัน แต่พอมาถึงจุดนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย  เราไม่สามารถไปเถียงทุกคนได้หรอก เราแค่ต้องทำสิ่งที่เราอยากทำให้มันดีที่สุดก็พอ เพราะไม่ว่าอย่างไรคนที่เขาจ้องจับผิดเราเขาก็หาเรื่องมาด่าได้อยู่ดี เราไม่ต้องไปตอบโต้หรืออะไร เพราะคนที่เข้าใจเราก็มีไม่น้อยเหมือนกันเราแค่เลือกที่จะเอาเขาเหล่านั้นมาเป็นกำลังใจก็พอ

รู้สึกอย่างไรที่ทุกวันนี้คุณกลายมาเป็นไอดอลของใครหลายคน

รู้สึกดีนะครับ อยากให้คนทั่วไปเขาเปลี่ยนความคิดแบบเก่าๆ ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ไม่ต้องไปปิดกั้นความฝันของเด็กๆ อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้ลองทำในสิ่งที่อยากทำ ผมพูดเสมอเวลาใครมาขอคำแนะนำว่าถ้าอยากทำอะไรก็ให้ลองทำดู เราเป็นคนเดียวที่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร แต่ถ้าใครมาบอกว่าผมเป็นไอดอลของเขาผมก็อยากบอกว่าให้จำแต่สิ่งที่ดีไปใช้แล้วกันครับ (หัวเราะ)

นอกจากการร้องเพลงแล้วสไตล์การแต่งตัวของคุณก็โดดเด่นไม่แพ้กัน

การแต่งกายของผมโดยรวมมันก็คือฮิปฮอปที่หยิบนู่นหยิบนี้มามิกซ์กันไปเรื่อย เลยไม่รู้จะหาคำจำกัดความว่าอะไร แต่ผมก็พยายามหยิบจับของที่เราชอบมาผสมผสานกัน และพยายามมองหาของแปลกใหม่ที่คนอื่นเขาไม่ค่อยใส่กันมาใช้บ้าง อีกเรื่องก็คือรอยสักที่ผมชอบมาตั้งนานแล้ว ทุกรอยสักของผมมันมีความหมายทั้งหมด อย่างรอยสักแรกของผมที่เป็นรูปมีดผมตั้งใจจะสื่อว่าทุกอย่างมันมีสองด้านเช่นเดียวกับมีดที่หลายคนเลือกที่จะใช้สำหรับทำอาหารหรือจะเอาไปฆ่าคนก็ได้ ดังนั้นเราไม่สามารถไปติดกับภาพลักษณ์ที่เห็นมากไป หรือรอยสักรูปหัวกะโหลกที่คอผมสักเพื่อที่จะเตือนตัวเองทุกครั้งเวลาส่องกระจกว่าความตายมันอยู่ใกล้เรามากแค่ไหน ดังนั้นเวลาคิดจะทำอะไรก็ให้รีบทำก่อนที่จะไม่มีโอกาส

มีแบรนด์แฟชั่นไหนที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษไหม

ผมชอบ BAPE เพราะเป็นแบรนด์ที่มีแร็ปเปอร์ที่ผมชื่นชอบหลายคนใส่ อีกอย่างผมไปอ่านเจอมาว่าแร็ปเปอร์ยุคก่อนที่ไปญี่ปุ่นเขาจะไปซื้อเสื้อผ้า BAPE กลับมาใส่กัน เลยทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักในอเมริกาผมเลยรู้สึกว่าเพลงฮิปฮอปกับ BAPE มันเติบโตมาด้วยกัน และมันเป็นเรื่องฝังใจว่าสมัยก่อนตอนที่ผมเป็นเด็กผมไม่เคยคิดว่าจะซื้อสินค้าของ BAPE ได้เลย เพราะมันแพงมากสำหรับผมในตอนนั้น พอโตมาเรากลับทำงานแล้วสามารถซื้อสิ่งที่เราอยากได้ในวัยเด็ก จำได้เลยว่าสินค้าชิ้นแรกคือกางเกงขาสั้นลาย SHARK ซึ่งตอนนั้นผมดีใจมากเพราะนั่นคือความภูมิใจว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิตไปอีกขั้นหนึ่ง

ได้ข่าวมาว่าช่วงนี้คุณกำลังแอบทำอัลบั้มชุดแรกของตัวเองอยู่

ตอนนี้ชีวิตผมกำลังวนเวียนอยู่กับการทำเพลงใหม่และออกทัวร์อยู่สองอย่างครับ ถ้าวันไหนไม่มีทัวร์เราก็จะเข้าสตูดิโอทำเพลง หรือบางทีเหนื่อยก็จะออกไปหาหนังดูบ้างหรือไม่ก็พักผ่อนอยู่บ้าน เพราะส่วนใหญ่เวลาออกทัวร์เราแทบไม่มีเวลาทำอะไรอยู่แต่บนรถตู้หรือไม่ก็เครื่องบินสลับกันไป ส่วนอัลบั้มที่กำลังจะออกคิดว่าน่าจะทำเสร็จไปประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์แล้ว ภาพรวมของอัลบั้มนี้จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการทัวร์ของเรา ทั้งเรื่องผู้หญิงและผู้คนที่ผ่านเข้ามาตลอดการทัวร์ ผมอยากจะเล่าว่าเราต้องเจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของคนที่เคยดูถูกเราและความสำเร็จมาผสมบ้าง แต่โดยรวมแล้วผมจะเน้นเกี่ยวกับการทัวร์เป็นหลักครับ

จะมีศิลปินคนไหนมาร่วม Featuring ในอัลบั้มนี้บ้างไหม

ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลยครับว่าจะเอาใครมาร่วมร้องด้วยในอัลบั้มนี้ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมจะชอบเขียนเพลงคนเดียว ผมคิดว่าเพลงส่วนใหญ่ที่เขียนมันเป็นเรื่องราวของผมส่วนมากเลยอยากจะเล่าด้วยตัวเองมากกว่าว่าเรารู้สึกหรือเจออะไรมาบ้าง บางทีผมคิดว่าถ้าให้คนอื่นมาร้องเขาอาจไม่เข้าใจว่าเราต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ต้องรอติดตามไปเพราะอาจจะมีใครที่มาร่วมร้องด้วยก็ได้ครับเพียงแค่ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดไว้เท่านั้นเอง

คิดว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ฟังอัลบั้มนี้กันเมื่อไร

อัลบั้มนี้น่าจะเสร็จและได้ฟังกันประมาณต้นปีหน้าครับ ช่วงนี้ผมก็พยายามเร่งมือทำอย่างเต็มที่ ช่วงไหนมีเวลาว่างจากทัวร์คอนเสิร์ตก็จะเข้าสตูดิโอทำเพลงทันที คือผมตั้งใจอยากให้ความรู้สึกเก่าๆ ของการทำเพลงเป็นแผ่นซีดีที่คนฟังจับต้องได้ออกมา เพราะสมัยนี้คนส่วนมากน่าจะชินกับการฟังเพลงผ่าน streaming กันมากกว่า ซึ่งผมอยากให้อัลบั้มของผมสามารถซื้อและเก็บไว้ได้มากกว่า อยากให้แฟนเพลงเขาเก็บผลงานของเราไว้พอเวลาผ่านไปหลายปีเขาอาจจะมาค้นเจอซีดีของเราไว้อยู่ในก้นลิ้นชักสักวันหนึ่ง ซึ่งมันอาจจะทำให้เขาย้อนกลับมาคิดถึงช่วงเวลาที่เคยฟังเพลงของเราในตอนนั้นก็ได้ครับ